Articles

"ผมไม่มีความมั่นใจในตัวเอง" มิว ศุภศิษฏ์

October 31, 2021

Image: I had no confidence says Mew Suppasit CI Talks

"ผมไม่มีความมั่นใจในตัวเอง" มิว ศุภศิษฏ์

หลังจากที่ฟ้าใส ปวีณสุดาได้คุยกับ มิว ศุภศิษฏ์ในครั้งแรก เขาได้แนะนำผู้ที่ต้องการประสบความสำเร็จในวงการบันเทิงที่มีประโยชน์มากๆ และในครั้งนี้ CI Talks ต้องการจะแบ่งปันเส้นทางความสำเร็จในอาชีพนักแสดงของมิว ซึ่งคุณสามารถเรียนรู้วิธีการต่างๆ และประสบการณ์จากมิวว่าทำอย่างไรเขาถึงได้ประสบความสำเร็จในทุกวันนี้

จากเด็กที่ชอบเก็บตัว

กว่าจะเป็นคนที่มีความมั่นใจและดูมีพลังในทุกวันนี้ มิวเคยมีบุคลิกที่ชอบเก็บตัวและพูดน้อยมากๆ ในช่วงวัยรุ่น เขาบอกกับฟ้าใสว่า “ตอนที่ผมยังเป็นเด็ก ผมไม่มั่นใจในตัวเองเลยครับ เรียกได้ว่าไม่มีความกล้าแสดงออกเลยก็ว่าได้” เขายังเสริมอีกว่า “ทุกคนรอบตัวผมคิดว่าผมเป็นเด็กดี เรียนเก่ง แต่มีบางครั้งที่เกรดเฉลี่ยของผมตกลงเพราะเหมือนผมไม่มีแรงบันดาลใจ ผมไม่ได้ใส่ใจด้านการเรียนเลยครับ ผมค่อนข้างเป็นคนขี้เกียจมากๆ ในตอนนั้น ทุกคนคาดหวังกับผมไว้สูง และทุกครั้งที่มีการสังสรรค์ในครอบครัว พ่อแม่ของผมจะบอกว่าผมเก่งเรื่องต่างๆ แต่ผมรู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบที่พวกเขาพูด

มิวไม่สามารถทำตามความคาดหวังที่ครอบครัวและสังคมคาดหวัง มันทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไป เขาบอกฟ้าใสว่า “ช่วงนั้น ผมค่อนข้างเก็บตัว และเริ่มไม่ค่อยมีส่วนร่วมกับเพื่อนๆ ภายในห้อง จนถึงขั้นไม่อยากทำอะไรร่วมกันคนอื่นเลยครับ ผมเป็นแบบนั้นจนถึงมัธยมต้น มันเหมือนผมอยู่ในโลกของตัวเอง โลกที่ไม่มีใครคาดหวังในตัวผม”

การเปลี่ยนแปลง

ในระหว่างที่เขาคุยกับฟ้าใส มิวเล่าให้ฟังว่าเขาสามารถเปลี่ยนจากคนที่ชอบเก็บตัวจนกลายมาเป็นคนที่มีความมั่นใจและชอบพบปะผู้คนใหม่ๆ ได้อย่างไร

“อะไรคือจุดเปลี่ยนที่ทำให้คุณเปลี่ยนแปลงได้ถึงขนาดนี้คะ” ฟ้าใสถาม “ตอนที่ผมอยู่มัธยมปลาย ผมได้พบกับคนหนึ่งที่ดูเก่งและมีความสามารถในสายตาผม ซึ่งมันทำให้ผมอยากจะเป็นเหมือนเขา ผมเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้นจนรู้สึกว่าเหมือนผมเป็นคนใหม่ ผมเริ่มทำตามคำสั่งของครูมากขึ้น โดยไม่ได้นึกถึงความกลัวและชอบเก็บตัวที่เคยเป็นมาเลยครับ” มิวพูด

หลังจากที่เขาได้รับแรงบันดาลใจจากเพื่อนร่วมชั้นที่มีความสามารถอย่างที่เขาต้องการ มิวเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง เขารับรู้ว่าการทำงานในวงการบันเทิงเป็นเป้าหมายของเขา ทำให้เขาตัดสินใจทำงานในวงการบันเทิงเพื่อไล่ตามความฝันนี้ แต่มันไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

“ผมเริ่มเข้ามาในวงการบันเทิงตอนช่วงม.ปลาย ประมาณ 11 ปีแล้วครับ ตอนนั้นผมไปเรียนพิเศษที่สยามและมีโมเดลลิ่งมาทาบทามผม จากนั้นผมก็เริ่มจากการออดิชั่นเพื่อถ่ายงานต่างๆ กว่า 100 ครั้ง แต่ผมถูกเลือกเพียง 10 งานเท่านั้นครับ” มิวบอกกับฟ้าใส มิวมักจะไปแคสติ้งทุกวันแต่เขาก็พลาดอยู่บ่อยครั้ง แต่เขาไม่ยอมแพ้และยังคงพยายามต่อไปจนไม่ทันได้นึกกลับมาถามตัวเองว่าเขาดีพอหรือเหมาะสมกับบทเหล่านั้นหรือไม่

“ตอนนั้นคุณรู้สึกอย่างไรคะ” ฟ้าใสถาม “ผมรู้สึกผิดหวังครับ มันเต็มไปด้วยความสงสัยว่าทำไมผมไม่เคยถูกเลือกเลย ผมไม่เคยได้รับคำแนะนำหรือฟีดแบคจากการออดิชั่นเลยครับ นั่นทำให้ผมไม่รู้เลยว่าผมทำอะไรผิดไปหรือเปล่า เพราะผมไม่เคยถามตัวเองจริงๆ เลยว่าตัวผมเองเก่งพอหรือเหมาะกับบทเหล่านั้นหรือเปล่า" มิวกล่าว

ในตอนนั้นเองที่มิวตระหนักว่าเขาจำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่

“หลังจากที่ผมได้พิจารณาตัวเองแล้ว ผมรู้ดีว่าโทษคนอื่นไปก็ไร้ประโยชน์ครับ ผมจึงเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ผมได้ลงเรียนการแสดงใหม่ทั้งหมด เรียกได้ว่าเริ่มใหม่ตั้งแต่ขั้นพื้นฐานของการแสดงครับ ผมเรียนการแสดงทุกสัปดาห์เป็นเวลากว่า 2 ปี ตอนนั้นผมค่อนข้างหมกมุ่นอยู่กับการแสดงเลยครับ จากนั้นผมก็เริ่มกลับไปออดิชั่นอีกครั้ง และผมก็ได้รับเลือกให้แสดงทั้งโฆษณาและซีรีส์ตามที่เห็นกันในปัจจุบันนี้ครับ" มิวบอกกับฟ้าใส

เส้นทางสู่ชีวิตใหม่

หลังจากที่เขาประสบความสำเร็จจากการทำงานหนักมาตลอดหลายปี ตอนนี้มิวก็กำลังมองไปข้างหน้าอย่างมุ่งมั่น เขาเป็นนักแสดงที่มีความทะเยอทะยานและมีแรงจูงใจที่ไม่กลัวการทำงานหนัก และยังมีเป้าหมายอีกมากมายที่รอเขาอยู่ในอนาคต

“ผมคิดว่าการเป็นนักแสดงนั้นวิเศษมาก การได้รางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นเป้าหมายหลักของผม เพราะนั่นหมายความว่าทุกๆ คนจดจำที่บทบาทและชื่นชอบผลงานของผมครับ” เขากล่าว “พ่อแม่ของคุณคิดอย่างไรกับเรื่องนี้บ้าง? พวกเขาสนับสนุนด้านการแสดงของคุณหรือเปล่าคะ” ฟ้าใสถาม “แม่ของผมค่อนข้างสนับสนุน แต่พ่อของผมไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ครับ พ่อของผมมักจะบอกว่าให้ตั้งใจเรียนเพียงอย่างเดียวเพราะผมเป็นนักเรียนก็ต้องมีหน้าที่เรียน และบอกกับผมว่าหลังจากเรียนจบค่อยไปทำงานในวงการบันเทิงก็ยังไม่สายครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมสามารถสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและการเรียนได้ ผมสามารถเรียนได้ดีในขณะที่ทำงานในวงการบันเทิงไปด้วย ซึ่งผมต้องพิสูจน์ให้เขาเห็นว่าการทำทั้งสองอย่างพร้อมกันนั้นเป็นไปได้ครับ” มิวอธิบายเสริม

การพัฒนาและสังเกตตนเอง

ด้วยการที่อยู่ในแวดวงเดียวกัน ฟ้าใสรู้ดีว่ามีอุปสรรคมากมายเพียงใดในการทำงานเพื่อให้ประสบความสำเร็จ และเธอขอให้มิวแชร์เรื่องของเขาให้เธอฟัง

“คุณจัดการกับปัญหาและความท้าทายต่างๆ อย่างไรคะ” ฟ้าใสถาม “ในท้ายที่สุด หากเราพยายามอย่างเต็มที่ ผลลัพธ์ก็ไม่สำคัญ ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของการลองผิดลองถูก เพราะมันก็มีหลายสิ่งที่อยู่เหนือการควบคุมของเรา”

มิวกล่าวเสริมว่า “สิ่งที่เราควบคุมได้คือสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของเรา ไม่ว่าผมจะผิดหวังหรือไม่พอใจขนาดไหน ผมเรียนรู้ที่จะปล่อยวางและทำให้ดีที่สุด ผมคิดว่าเพียงทุ่มเทอย่างเต็มที่เท่านั้นที่สำคัญครับ”

“มีอะไรจะกล่าวถึงคนทางบ้านที่กำลังรับฟังอยู่ไหมคะ” ฟ้าใสถาม คำแนะนำของมิวคือ “คุณต้องสังเกตตัวเองแทนที่จะโทษคนอื่น” “คุณเคยคิดบ้างไหมว่าคุณจะต่อยอดความสามารถที่มีต่อไปได้อย่างไร?” ฟ้าใสถาม

“ผมแนะนำให้คุณสังเกตตัวเองอีกครั้ง” มิวแชร์ประสบการณ์ส่วนตัวให้กับคนที่กำลังสงสัยว่าพวกเขาจะสามารถพัฒนาและปรับปรุงตนเองได้อย่างไร

“สาเหตุของปัญหาคืออะไร? สิ่งที่เราทำไปส่งผลอย่างไร และเราจะปรับปรุงและทำให้ดีขึ้นได้อย่างไร?” มิวเชื่อว่าคำถามเหล่านี้จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและสถานการณ์ต่างๆ ได้ดีขึ้น พร้อมทั้งยังช่วยให้คุณมองเห็นเส้นทางที่จะไปต่อได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

“หากพูดถึงการเปรียบเทียบ ผมเคยเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่นๆ ซึ่งผมรู้ว่ามีหลายคนที่ทำแบบนี้ครับ แต่สิ่งหนึ่งที่ผมเรียนรู้คือ ถ้าคุณลองมองย้อนกลับไปและเปรียบเทียบตัวคุณในตอนนั้นกับปัจจุบัน คุณจะพบว่าคุณมีความก้าวหน้าและพัฒนามามากเพียงใดครับ” มิวกล่าว

“อย่าเสียเวลาเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น และให้กลับมาทบทวนตัวเองบ้าง ตัวอย่างเช่น ทักษะการแสดงของคุณดีกว่าเมื่อก่อนหรือไม่? ถ้าคุณต้องการจะเรียนเก่งขึ้น คุณได้หาความรู้มากขึ้นกว่าเดิมหรือไม่?” เขากล่าวเพิ่ม

ปล่อยวางเพื่อไม่ผิดหวัง

นอกเหนือจากการพัฒนาและการสังเกตตัวเองแล้ว มิวยังมีคำแนะนำที่ดีเกี่ยวกับความคาดหวังที่เรามีต่อตนเองและความคาดหวังที่ผู้อื่นมีต่อเราอีกด้วย เขายึดคำสอนของพระพุทธศาสนาว่าการไม่คาดหวังในชีวิตมากเกินไปจะทำให้ผิดหวังน้อยลง เขารู้สึกว่าเพียงแค่คุณพยายามทำให้ดีที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องตั้งความคาดหวังที่สูงจนเกินไปให้กับตัวเอง จะสามารถหลีกเลี่ยงความผิดหวังได้

“เรามักกังวลอยู่เสมอว่าเพื่อนๆ และครูจะมองเราอย่างไร แต่เราไม่เคยถามตัวเองว่าเราสนุกกับสิ่งที่ทำอยู่หรือเปล่า” มิวกล่าวเสริม “บางครั้งการพอใจกับสิ่งที่เราทำก็เพียงพอแล้ว เพราะหากเราทำดีที่สุดและเราพอใจกับผลลัพธ์ มันก็ไม่สำคัญว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร”

โดยทั่วไปแล้ว เรามักรู้สึกผิดหวังเมื่อสิ่งที่คิดนั้นไม่เป็นไปตามที่หวัง แต่ชีวิตไม่สามารถคาดเดาได้ และมักไม่เป็นไปตามที่เราหวังเสมอไป หากคุณเริ่มคาดหวังกับตัวเอง ผู้อื่น หรือเรื่องต่างๆ มากเกินไป คุณก็มีความเสี่ยงที่จะรู้สึกผิดหวังได้ คุณจะไม่ได้จดจ่ออยู่กับปัจจุบันและสนุกกับการใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น เพราะคุณยุ่งเกินกว่าที่จะมองไปข้างหน้าเพื่อวางแผนอนาคตที่ดี

“ทุกคนต่างคาดหวังในตัวเอง รวมถึงคนอื่นอาจคาดหวังจากคุณเช่นกัน ดังนั้นการไม่คาดหวังก็จะไม่ผิดหวังครับ” มิวอธิบาย

เมื่อคุณเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น แปลว่าคุณกำลังตั้งความคาดหวังที่ไม่จำเป็นให้กับตัวเอง เราทุกคนทำสิ่งต่างๆ ในช่วงเวลาและแบบของเราเอง มันไม่มีประโยชน์ที่จะเปรียบเทียบตัวเองกับความสำเร็จของผู้อื่น เพราะเราทุกคนล้วนมีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างกันขึ้นอยู่ที่เราเป็นคนกำหนด

ในทำนองเดียวกันนี้ ถ้าคนอื่นคาดหวังบางสิ่งจากคุณ คุณไม่ควรปล่อยให้ความคาดหวังเหล่านั้นกลายมาเป็นความคาดหวังของคุณเอง เพราะคุณไม่สามารถควบคุมความรู้สึกของคนอื่นและสิ่งที่พวกเขาต้องการได้ เช่น ถ้าพ่อแม่ของคุณไม่พอใจกับงานที่คุณทำและชีวิตที่คุณเลือก มันไม่ใช่ความผิดของคุณ ความคาดหวังที่พวกเขาตั้งไว้กับคุณทำให้พวกเขาไม่มีความสุขและผิดหวังเพราะตัวพวกเขาเอง จงจำไว้เสมอว่าความผิดหวังถือเป็นเรื่องปกติของชีวิต เราไม่สามารถได้สิ่งที่ต้องการเสมอไป และความผิดหวังนั้นถือเป็นประสบการณ์สำคัญที่จะให้เราเติบโตขึ้น

“คำแนะนำของผมคือทำให้ดีที่สุดโดยไม่ต้องสนใจความคาดหวัง เพราะคุณทำดีที่สุดแล้ว” มิวกล่าว

การไม่คาดหวังจะทำให้คุณเป็นคนที่มีความสุขมากขึ้น การไม่คาดหวังในชีวิตไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดหรือต้องละทิ้งเป้าหมายที่คุณมี เพียงแต่คุณจะมีอิสระในการใช้ชีวิตและก้าวไปข้างหน้าอย่างที่ควรจะเป็นในแบบของคุณ คุณจะสามารถหยุดการเอาชนะกับสิ่งที่ไม่สามารถควบคุมได้และหันไปให้ค่ากับสิ่งที่สำคัญจริงๆ นั่นคือการที่ได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและเต็มที่กับทุกช่วงเวลา

ให้คุณค่าตัวเองมากขึ้น

ประเด็นสำคัญที่สัมผัสได้ในระหว่างการพูดคุยกับมิวคือการชื่นชมตัวเอง การทำงานหนักเพื่อพัฒนาตัวเองและประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตัวเองเลือก

“มาพูดถึงการเห็นคุณค่าในตัวเองกันเถอะ” มิวกล่าว “ผมแนะนำให้คุณขอบคุณตัวเองเสมอครับ ผมสามารถบอกคุณได้เลยว่าคุณจะนอนหลับได้ดีขึ้น ชื่นชมตัวเองสำหรับสิ่งที่คุณทำสำเร็จให้มากๆ ครับ”

มิวมีการเดินทางที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ฟังอย่างแท้จริง จากเส้นทางในวัยเด็กที่เต็มไปด้วยความเขินอายและความไม่มั่นใจในตนเองจนสู่การเป็นดาราดังที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและมีเป้าหมายมากมายให้ไล่ตาม คำพูดเหล่านี้ของเขานั้นมีคุณค่าและประโยชน์สำหรับผู้ที่อยากทำงานในวงการบันเทิง และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าบทสัมภาษณ์นี้จะสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นๆ ได้มีความกล้าหาญที่จะไล่ตามความฝันจนประสบความสำเร็จแบบเดียวกับมิวเช่นกัน

mindset

Acting

Entertainment

Self-Confidence

Performer

Mindset

Thailand

You may also like

บอกต่อเคล็ดลับในการสร้างธุรกิจให้สำเร็จ

บอกต่อเคล็ดลับในการสร้างธุรกิจให้สำเร็จ

May 10, 2022 | 1 minute read

ใคร ๆ ก็เป็นนักธุรกิจได้ แต่จะให้ประสบความสำเร็จนั้น อาจไม่ใช่เรื่องง่าย เราได้รวมบทความสร้างแรงบันดาลใจ จาก 2 นักธุรกิจยุคใหม่และโค้ชจาก CI Talks มาฝากกัน

Growth Mindset สร้างได้อย่างไรบ้าง?

Growth Mindset สร้างได้อย่างไรบ้าง?

March 23, 2022 | 1 minute read

ทุกคนล้วนต้องการพัฒนาตนเองให้ประสบความสำเร็จ ด้วยการสร้าง Growth Mindset กันทั้งนั้น แต่จะมีวิธีการอย่างไรบ้าง? CI Talks ขอพาคุณไปหาคำตอบพร้อมกัน

เจาะลึกเบื้องหลัง ‘ศิลปินโค้ช’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ - CI Talks

เจาะลึกเบื้องหลัง ‘ศิลปินโค้ช’ ที่คุณอาจไม่เคยรู้ - CI Talks

February 28, 2022 | 1 minute read

กว่าจะก้าวมาสู่ความสำเร็จได้นั้น เบื้องหลังศิลปินที่ทำหน้าที่เป็นโค้ชจาก CI Talks นั้นได้ผ่านอะไรกันมาบ้าง? วันนี้เราขอนำเสนอแรงบันดาลใจดี ๆ ของพวกเขากัน

อาหารไม่มีสูตรสำเร็จ แต่การมีแนวคิดธุรกิจที่ดีจะนำไปสู่ความสำเร็จได้

อาหารไม่มีสูตรสำเร็จ แต่การมีแนวคิดธุรกิจที่ดีจะนำไปสู่ความสำเร็จได้

February 3, 2022 | 1 minute read

เราเชื่อว่าผู้อ่านหลายคนฝันอยากมีธุรกิจร้านอาหารสวย ๆ ที่มีลูกค้าเดินเข้าร้านอยู่ตลอดทั้งวัน แต่รู้หรือไม่ว่าร้านที่ประสบความสำเร็จนั้น จะต้องแลกมาด้วยชั่วโมงการทำงานที่แสนสาหัส ทั้งการลองผิดลองถูกเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจที่มีความละเอียดอ่อน แถมยังมีการแข่งขันสูง มีร้านอาหารเปิดใหม่เกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา